รู้จัก “กรดไหลย้อน” โรคยอดฮิตของคนยุคใหม่ สาเหตุ อาการ และวิธีรักษา
ในยุคที่ชีวิตเต็มไปด้วยความเร่งรีบ การทำงานหนัก พักผ่อนน้อย และความเครียด ทำให้ “โรคกรดไหลย้อน” (Gastroesophageal Reflux Disease: GERD) กลายเป็นโรคยอดฮิตที่พบได้บ่อยในกลุ่มคนวัยทำงานมากขึ้นเรื่อยๆ หลายคนอาจคิดว่านี่เป็นแค่เรื่องปกติ แต่แท้จริงแล้วหากปล่อยทิ้งไว้ อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาวได้ บทความนี้จะพาคุณไปทำความเข้าใจโรคกรดไหลย้อนให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
กรดไหลย้อนคือภาวะที่น้ำย่อยในกระเพาะอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรดไหลย้อนขึ้นไปในหลอดอาหาร ทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกและมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย โดยปกติแล้วจะมีกล้ามเนื้อหูรูดบริเวณส่วนปลายของหลอดอาหารทำหน้าที่คล้ายวาล์วกั้นไม่ให้อาหารและกรดจากกระเพาะอาหารไหลย้อนกลับขึ้นมา แต่ในผู้ป่วยโรคกรดไหลย้อน กล้ามเนื้อหูรูดนี้จะทำงานผิดปกติ ทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย
พฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม: การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลา, การทานอาหารรสจัดหรือรสเปรี้ยวจัด, การดื่มกาแฟ, แอลกอฮอล์, น้ำอัดลม และการสูบบุหรี่
การทานอาหารแล้วนอนทันที: การนอนราบหลังทานอาหารเสร็จใหม่ ๆ จะทำให้กรดในกระเพาะไหลย้อนขึ้นมาได้ง่าย
ภาวะความเครียด: ความเครียดเป็นหนึ่งในปัจจัยกระตุ้นให้เกิดกรดไหลย้อนได้ เพราะความเครียดส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์: คนอ้วนมีความดันในช่องท้องสูง ซึ่งจะไปดันกระเพาะอาหารและทำให้กรดไหลย้อนขึ้นมา
ตั้งครรภ์: ในช่วงตั้งครรภ์ มดลูกที่ขยายใหญ่ขึ้นจะไปเบียดกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดแรงดันและกรดไหลย้อนได้ง่าย
อาการของโรคกรดไหลย้อนแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่
1. อาการทางเดินอาหาร
แสบร้อนกลางอก (Heartburn): อาการนี้เป็นอาการที่พบบ่อยที่สุดและเป็นอาการหลักของโรค โดยจะรู้สึกแสบร้อนบริเวณหน้าอกขึ้นไปถึงคอ
เรอเปรี้ยว: มีรสเปรี้ยวหรือรสขมของน้ำย่อยไหลขึ้นมาในปากและลำคอ
จุกแน่นในคอ: รู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างติดอยู่บริเวณลำคอ กลืนลำบาก
คลื่นไส้ อาเจียน: รู้สึกคลื่นไส้หลังรับประทานอาหาร
2. อาการนอกทางเดินอาหาร
เจ็บคอเรื้อรัง: รู้สึกเจ็บคอหรือเสียงแหบโดยไม่ทราบสาเหตุ
ไอเรื้อรัง: ไอแห้ง ๆ โดยเฉพาะตอนกลางคืน
อาการหอบหืด: ในผู้ป่วยบางรายกรดที่ไหลย้อนขึ้นมาอาจทำให้เกิดอาการคล้ายหอบหืดได้
ปรับเปลี่ยนพฤติกรรม: ควรทานอาหารให้ตรงเวลา เคี้ยวอาหารให้ละเอียด ไม่ควรทานอาหารรสจัด ไม่ควรทานอาหารแล้วนอนทันที และควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
ควบคุมน้ำหนัก: หากน้ำหนักเกินเกณฑ์ ควรลดน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม เพื่อลดความดันในช่องท้อง
การใช้ยา: แพทย์อาจพิจารณาให้ยาลดกรดหรือยาที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของหูรูดหลอดอาหาร
ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากอาการไม่ดีขึ้นหลังจากปรับพฤติกรรม ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและได้รับการรักษาที่เหมาะสม
กรดไหลย้อนเป็นโรคที่สามารถควบคุมได้ หากเราเข้าใจสาเหตุและอาการ และปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้เหมาะสม การดูแลตัวเองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้คุณกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้อีกครั้ง
ถึงแม้ว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมจะเป็นสิ่งสำคัญ แต่สำหรับผู้ที่ต้องการตัวช่วยที่เห็นผลเร็วและยั่งยืน Dr.Jel ได้พัฒนานวัตกรรม Dual Softgel ที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ผู้ที่เป็นกรดไหลย้อนโดยเฉพาะ ด้วยการทำงานแบบ 2 ชั้น (Dualchange™) ที่แตกต่างจากผลิตภัณฑ์ทั่วไป
ชั้นนอก (First Action): เป็นซอฟเจลชั้นแรกที่ออกฤทธิ์เร็วทันใจ เข้าไปเคลือบและลดกรดส่วนเกินในกระเพาะอาหารทันทีที่ทาน ทำให้บรรเทาอาการแสบร้อนกลางอกและจุกแน่นได้อย่างรวดเร็ว
ชั้นใน (Second Action): เป็นซอฟเจลชั้นที่สองซึ่งจะออกฤทธิ์ต่อเนื่องยาวนานถึง 6-8 ชั่วโมง ทำหน้าที่ฟื้นฟูและปกป้องเยื่อบุกระเพาะอาหารและหลอดอาหารที่ถูกทำร้ายจากกรดอย่างตรงจุด ช่วยลดการอักเสบในระยะยาวและป้องกันไม่ให้กรดไหลย้อนกลับมาได้อีก
Dr.Jel Dual Softgel จึงเป็นทางเลือกใหม่ที่เข้ามาช่วยแก้ปัญหาได้อย่างครอบคลุม ทั้งบรรเทาอาการเฉียบพลันและป้องกันการเกิดซ้ำในระยะยาว ทำให้คุณสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ ไร้กังวลจากอาการกรดไหลย้อนอีกต่อไป
กดดูรายละเอียดสินค้าได้ที่
เว็บไซต์ >>> https://www.doctorjel4289.com/p/28
Dr.Jel-ดร.เจล อาหารเสริม สุขภาพ และ ความงาม