โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis)
โรคข้อเสบรูมาตอยด์ เป็นโรคเรื้อรังที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีข้อต่อ ทำให้เกิดการอักเสบ ปวด บวม และอาจนำไปสู่ความเสียหายของข้อต่อได้หากไม่ได้รับการรักษา นอกจากนี้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ไม่ได้เกิดขึ้นแค่เพียงตามข้อต่อต่างๆ ของร่างกายเท่านั้น ยังมีส่วนอื่นของร่างกายที่ได้รับผลกระทบจากโรครูมาตอยด์ เช่น ตา กล้ามเนื้อ หรือเส้นประสาท
อาการของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ปวดข้อ: มักเริ่มจากข้อเล็กๆ เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อนิ้วเท้า และค่อยๆ ลามไปยังข้ออื่นๆ
บวม: ข้อต่อที่อักเสบจะบวมแดง
แข็ง: ข้อต่อจะรู้สึกแข็ง โดยเฉพาะตอนเช้า
อ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยง่าย
ไข้ต่ำๆ
น้ำหนักลด
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกิดจากสาเหตุใด
สาเหตุของโรคข้อเสบรูมาตอยด์ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ในทางการแพทย์เชื่อว่าโรครูมาตอยด์มีสาเหตุมาจากระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายตัวเอง โดยจะทำลายเยื่อหุ้มข้อ (Synovium) จนทำให้เกิดการอักเสบและบวมตามข้อ ส่งผลให้กระดูกอ่อนและกระดูกตามบริเวณข้อต่อ รวมไปถึงเส้นเอ็นที่ยึดกล้ามเนื้อและกระดูก เปราะบางลงและยืดขยายออก ทำให้ข้อต่อมีรูปร่างผิดปกติ และบิดเบี้ยว นอกจากอาการทางข้อแล้ว รูมาตอยด์ยังมีอาการที่บริเวณอื่น ๆ เช่น ข้อมือ หัวไหล่ เข่า เป็นต้น
ปัจจัยกระตุ้นให้เกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
อายุ: โรครูมาตอยด์สามารถเกิดได้กับทุกวัย สามารถพบได้ทั้งในวัยหนุ่มสาว และวัยสูงอายุ ซึ่งมักพบผู้ป่วยในช่วงอายุ 40 - 60 ปี
เพศ: ผู้หญิงมีแนวโน้มการเป็นโรครูมาตอยด์สูงกว่าผู้ชายมากถึง 3 เท่า
พันธุกรรม: มีความเชื่อมโยงกับพันธุกรรมบางชนิด
ความอ้วน: ผู้ที่มีน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐานหรือเป็นโรคอ้วน มีโอกาสที่จะเป็นโรครูมาตอยด์มากกว่าคนทั่วไป
สิ่งแวดล้อม: เช่น การติดเชื้อ ไวรัส หรือปัจจัยอื่นๆ ที่กระตุ้นให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานผิดปกติ
การสูบบุหรี่: นอกจจากจะเพิ่มความเสี่ยงการเป็นโรครูมาตอยด์แล้ว การสูบบุหรี่ยังสามารถเพิ่มความรุนแรงของโรคให้ร้ายแรงกว่าเดิมได้ด้วย
การรักษาโรคข้อเสบรูมาตอยด์
การรักษาโรคข้อเสบรูมาตอยด์มีหลายวิธีขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและสภาพร่างกายของผู้ป่วย เช่น
การรักษาโดยใช้ยา
-ยาต้านการอักเสบไม่สเตียรอยด์ (NSAIDs) เพื่อบรรเทาอาการปวดและอักเสบ
-ยาแก้ไข้
-ยาภูมิคุ้มกัน
กายภาพบำบัด: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลดความเจ็บปวด
การผ่าตัด: ในกรณีที่ข้อต่อเสียหายรุนแรง
การรักษาจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น:
ความรุนแรงของโรค: ผู้ป่วยแต่ละรายจะมีความรุนแรงของโรคแตกต่างกัน
ระยะเวลาที่เป็นโรค: ผู้ป่วยที่เป็นโรคในระยะเริ่มต้นมักจะตอบสนองต่อการรักษาง่ายกว่า
อายุและสุขภาพโดยรวม: อายุและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วยก็มีผลต่อการเลือกวิธีการรักษาที่พบบ่อย
ยา: รวมถึงยาต้านการอักเสบ ยาภูมิคุ้มกัน และยารักษาโรคเฉพาะ
กายภาพบำบัด: ช่วยเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและลดความเจ็บปวด
การผ่าตัด: ในกรณีที่ข้อต่อเสียหายรุนแรง
โรคข้อเสบรูมาตอยด์
ในปัจจุบันยัง ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ด้วยการรักษาที่ทันสมัย ทำให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่สามารถควบคุมอาการให้สงบลง และใช้ชีวิตได้ตามปกติมากขึ้น
สิ่งที่การรักษาทำได้คือ:
-บรรเทาอาการ: ลดอาการปวด บวม และอักเสบ
-ชะลอความเสียหายของข้อ: ป้องกันไม่ให้ข้อต่อเสียหายมากขึ้น
-ป้องกันภาวะแทรกซ้อน: ลดความเสี่ยงของโรคแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้
สิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยโรคข้อเสบรูมาตอยด์:
-รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: อย่างต่อเนื่องและตรงเวลา
-ไปพบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามอาการและปรับเปลี่ยนยาหากจำเป็น
-ดูแลสุขภาพ: ออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่มีที่เหมาะสมและการดูแลตนเองที่ดี ผู้ป่วยโรคข้อเสบรูมาตอยด์สามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้ค่ะ
การดูแลตัวเอง
พักผ่อนให้เพียงพอ: หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ทำให้ข้อต่ออักเสบมากขึ้น
ออกกำลังกาย: ช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น แต่ควรเลือกชนิดของการออกกำลังกายที่เหมาะสม
ควบคุมน้ำหนัก: ลดภาระต่อข้อต่อ
รับประทานอาหารที่มีประโยชน์: อาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุครบถ้วนช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้ร่างกาย
วิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์
แม้ว่าในปัจจุบันโรครูมาตอยด์จะยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ แต่ผู้ป่วยสามารถปฏิบัติตามวิธีดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ เพื่อบรรเทาอาการด้วยการกายภาพบำบัด รับประทานยา หรือการผ่าตัด รวมไปถึงเรื่องอาหารการกินที่ถูกต้อง อาหารที่ห้ามกินของโรครูมาตอยด์มีอะไรบ้าง
อาหารที่ผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์ควรหลีกเลี่ยง
ดังนั้นผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์จำเป็นต้องทราบว่าตนเอง ควรหลีกเลี่ยงอาหารประเภทใดบ้าง โดยอาหารที่ผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ห้ามรับประทานมีดังนี้
1. อาหารที่ถูกขัดสี พบได้ในคาร์โบไฮเดรตและน้ำตาล เนื่องจากมีสาร AGE ที่สามารถทำให้อาการของโรคกำเริบได้
2. อาหารประเภททอด เนื่องจากมีสาร AGE ที่ส่งผลเสียต่อร่างกายและสามารถทำให้อาการของโรคกำเริบได้
3. นมทุกชนิด เพราะในนมมีโปรตีนที่สามารถกระตุ้นอาหารที่ข้อได้
4. อาหารที่กระตุ้นให้เกิดกรด ได้แก่ กาแฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ถั่ว และโปรตีนจากสัตว์
5. อาหารที่มีไขมันไม่ดี (LDL) สามารถพบได้ในขนมเค้ก ชีส และเนื้อสัตว์โดยเฉพาะสัตว์ปีก
อาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยข้ออักเสบรูมาตอยด์
สำหรับผู้ป่วยโรคมารูตอยด์ครบดูแลเรื่องอาหารการกินของตัว เพื่อยับยั้งไม่ให้อาการกำเริบ โดยอาหารที่เหมาะกับผู้ป่วยโรครูมาตอยด์ มีดังนี้
1. อาหารที่ไม่มีการขัดสี หรืออาหารที่มีการขัดสีน้อย เช่น ข้าวกล้อง และขนมปังโฮลวีท
2. อาหารที่มีไขมันต่ำ
3. ผักและผลไม้ที่มีโพแทสเซียม
4. อาหารที่มีกรดโอเมก้า-3 เช่น ปลาทู ปลาแซลมอน และปลาซาร์ดีน
5. อาหารที่มีธาตุเหล็ก แคลเซียม วิตามินซี เช่น ฝรั่ง ตับ ปลา เป็นต้น
ทั้งนี้การทานอาหารของผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์อาจจะขึ้นอยู่กับแต่ละคน แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ที่ดูแลเพื่อรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารที่เหมาะสมของแต่ละคน
ภาวะแทรกซ้อนของโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
ภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคข้อเสบรูมาตอยด์ ภาวะแทรกซ้อนเหล่านี้ขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคและระยะเวลาที่เป็นโรค ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อย ได้แก่:
ระบบทางเดินหายใจ:
-ปอด: อาจเกิดการอักเสบของเยื่อบุปอด หรือเกิดพังผืดในปอด ทำให้หายใจลำบาก
-หลอดลม: อาจเกิดการอักเสบของหลอดลม ทำให้ไอเรื้อรัง
ระบบหัวใจและหลอดเลือด:
-หลอดเลือดอักเสบ: ทำให้เกิดลิ่มเลือดอุดตัน
-หัวใจวาย: ในรายที่มีโรคหัวใจอยู่ก่อนแล้ว
-พบภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ และโรคหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
ระบบประสาท:
เส้นประสาทถูกกดทับ: เนื่องจากการบวมของข้อ ทำให้ชาหรือรู้สึกผิดปกติ
ระบบตา:
เยื่อบุตาอักเสบ: ทำให้ตาแดง เคืองตา
ระบบผิวหนัง:
ปุ่มรูมาตอยด์: เป็นปุ่มนูนแดงที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง
ระบบกระดูก:
กระดูกพรุน: ทำให้กระดูกเปราะและหักง่าย
ระบบเลือด:
โลหิตจาง: เนื่องจากการอักเสบเรื้อรัง
เกล็ดเลือดสูง ภาวะม้ามโต ต่อมน้ำเหลืองโต และเม็ดเลือดขาวต่ำ (Felty’s Syndrome)
ปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคข้อเสบรูมาตอยด์
ความรุนแรงของโรค: ยิ่งโรครุนแรงมากเท่าไหร่ โอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนก็ยิ่งสูงขึ้น
ระยะเวลาที่เป็นโรค: ผู้ป่วยที่เป็นโรคมานานจะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนมากกว่า
การควบคุมโรค: หากโรคไม่ได้รับการควบคุมที่ดี ก็มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
การป้องกันภาวะแทรกซ้อน:
รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง: เพื่อควบคุมการอักเสบ
ไปพบแพทย์ตามนัด: เพื่อติดตามอาการและปรับเปลี่ยนยาหากจำเป็น
ออกกำลังกาย: เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อและข้อต่อ
ดูแลสุขภาพ: รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ พักผ่อนให้เพียงพอ
เลิกบุหรี่: เพราะบุหรี่เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้โรคปอดรุนแรงขึ้น
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ กับ เก๊าท์ ต่างกันอย่างไร
โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์และโรคเกาต์เป็นโรคที่ส่งผลต่อข้อต่อ ทำให้หลายคนสับสนว่าเป็นโรคเดียวกัน แต่ทั้งสองโรคมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจนค่ะ
โรครูมาตอยด์
สาเหตุ: เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ ทำลายข้อต่อตัวเอง
อาการ: ปวดข้อหลายข้อพร้อมกัน ข้อบวม แดง ร้อน ข้อแข็ง โดยเฉพาะตอนเช้า อาการปวดเรื้อรัง
ส่วนที่เป็น: มักเป็นที่ข้อเล็กๆ ก่อน เช่น ข้อมือ ข้อนิ้วมือ ข้อเท้า
อื่นๆ: อาการอาจลุกลามไปอวัยวะอื่น เช่น ปอด หัวใจ
โรคเกาต์
สาเหตุ: เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในข้อต่อมากเกินไป ทำให้เกิดผลึกมาเกาะ
อาการ: ปวดข้ออย่างรุนแรง บวม แดง ร้อน มักเกิดขึ้นกะทันหัน
ส่วนที่เป็น: มักเป็นที่ข้อเท้า ข้อเข่า ข้อศอก
อื่นๆ: อาการปวดมักจะดีขึ้นเองได้ในที่สุด แต่ถ้าปล่อยไว้ไม่รักษา อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา
สิ่งที่ควรทำเมื่อสงสัยว่าอาการที่เป็นอยู่นั้น คือ โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ หรือ เก๊าท์
* สังเกตอาการ: ถ้ามีอาการปวดข้อ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย
* ปรึกษาแพทย์: แพทย์จะทำการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด และเอกซเรย์
อาาหารเสริม Shizen Dr.U (ชิเซน ด็อกเตอร์ยู) ช่วยให้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ดีขึ้นได้อย่างไร?
เพราะส่วนผสมที่มีใน อาหารเสริม Shizen Dr.U (ชิเซน ด็อกเตอร์ยู) ทั้งหมด 13 ชนิด มีสรรพคุณช่วยในเรื่องเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง ลดการอักเสบ ปวด บวม ยับยั้งอาการปวดตามข้อ พร้อมทั้งบำรุงฟื้นฟู รักษาเยื่อหุ้มข้อที่อักเสบ ให้กลับมา อยู่ในภาวะปกติ รวมถึงปรับสภาพ ภูมิคุ้มกันของร่างกาย ให้ทำงานปกติ เพื่อไม่ให้กระตุ้นเยื่อหุ้มข้ออักเสบได้ลดการเจ็บป่วยที่ทำให้มีอาการเรื้อรัง สุขภาพร่างกายแข็งแรงไม่ป่วยบ่อย บำรุงระบบประสาทและสมอง ช่วยให้นอนหลับสนิทหลับลึกพักผ่อนอย่างเต็มประสิทธิภาพ นอกจากทำให้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ดีขี้นแล้ว ยังลดโอกาสที่โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ กลับมากำเริบอีกได้ สามารถทาน อาหารเสริม Shizen Dr.U (ชิเซน ด็อกเตอร์ยู) ควบคุมคู่กับการรักษาของแพทย์ได้
สิ่งที่คุณจะได้รับหลังจากทาน อาหารเสริม Shizen Dr.U (ชิเซน ด็อกเตอร์ยู)
ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันของร่างกายให้แข็งแรง
ช่วยลดอาการปวดกระดูกและข้อต่อ
ลดอาการบวม อักเสบของข้อ
ป้องกัน บำรุง ฟื้นฟู จากภาวะกระดูกพรุน
ลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์
คลายอาการปวดเมื่อย ลดอาการอ่อนเพลีย
นอนหลับสนิท การนอนหลับดีขึ้น
อาหารเสริม Shizen Dr.U (ชิเซน ด็อกเตอร์ยู) มีสารสกัดอีก 13 ชนิด ได้แก่ พลูคาว,น้ำมันจมูกข้าว, น้ำมันงา, น้ำมันเมล็ดงาขี้ม่อน, สารสกัดขิง, สารสกัดถั่งเช่า, สารสกัดโสม, เห็ดชิตาเกะ, เห็ดยามาบูชิตาเกะ, เห็ดไมตาเกะ, สารสกัดเห็ดหลินจือ, เบต้ากลูแคน, โคนเอ็นไซม์ Q10 รวมไว้ใน 1 ซอฟเจล
ร้านเป็นตัวแทนจำหน่ายถูกต้อง
ของบริษัท Dr.Jel
มั่นใจได้ สินค้าของแท้ 100%
สินค้าส่งตรงจากบริษัท ถึงมือลูกค้า
โปรโมชั่นพิเศษ
อาหารเสริม Shizen (Dr.U)
ชิเซน ด็อกเตอร์ ยู
สั่งซื้อสินค้า หรือ สอบถามเพิ่มเติม

โทร. 062-3636292

หรือ แอดไลน์ พิมพ์ : @083morcd
<<<โอนเงินจัดส่งฟรี EMS ทั่วประเทศ>>>
<<<มีบริการเก็บเงินปลายทาง>>>
อาหารเสริม Shizen Dr.U ได้รับรางวัล 3 ปีซ้อน
ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพและความงาม
Product innovation Awards (2021-2023)
อาหารเสริม Shizen Dr.U ชิเซน ด็อกเตอร์ ยู
จดทะเบียน อย. เลขที่ 73-1-02663-5-0009
